เที่ยวต่างประเทศ ท่องเที่ยวหลากหลายสไตล์ ไปกับเรา ยูแอนด์ไอ ทัวร์

ฤดูใบไม้เปลี่ยนสีที่ญี่ปุ่น

ข้อมูลการท่องเที่ยว | เข้าชม 3,567 ครั้ง

 

 

เทศกาลชมใบไม้เปลี่ยนสีที่ญี่ปุ่น

 

       

ข้อมูลที่ควรรู้ที่เประเทศญี่ปุ่น เมื่อเข้าสู้ฤดูใบไม้ร่วง (ก.ย.-พ.ย.) ใบไม้ส่วนใหญ่จะเริ่มเปลี่ยนสี จากสีเขียวเป็นสีเหลืองส้มหรือแดง ก่อนที่จะร่วงหล่นไปจนหมดต้น ใบของต้นไม่บางชนิดเช่น ใบอิโจ (แปะก้วย) จะเปลี่ยนเป็นสีเหลือง ก่อนจะร่วงหล่นไปจนหมดต้น ทำให้ธรรมชาติในยามนั้นงดงามด้วยสีสดใสตระกาลตาน่าภิมย์ยิง ซึ่งน่าจะเรียกเป็นฤดูใบไม้เปลี่ยนสีมากกว่าฤดูใบไม้ร่วง

        ตามปกติ ใบไม้จะเริ่มเปลี่ยนสีจากทางภาคเหนือลงสู่ภาคใต้ของญี่ปุ่นราวต้นเดือนตุลาคม จนถึงปลายเดือนพฤศจิกายนของทุกปี ซึ่งตรงกันข้ามกับดอกซากุระที่จะเริ่มบานจากท้องถิ่นทางภาคใต้ขึ้นสู่ภาคเหนือ แต่ช่วงเวลาที่ดอกซากุระบานจะคลาดเคลื่อนแตกต่างกันไปในแต่ละปี ซึ่งขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ และอุณภูมิในปีนั้นๆ

 

        ช่วงเวลาที่สวยงาม และสุดแสนโรแมนติคอีกครั้งหนึ่งของญี่ปุ่น ก็คือฤดูใบไม้ร่วงนี้ เพราะตามหุบเขา ธรรมชาติของญี่ปุ่น จะเต็มไปด้วยต้นไม้ที่พร้อมใจกันเพิ่มความงดงามให้กับขุนเขา แต่แข่งขันกันอวดสีสันของใบไม้ เป็นมนต์เสน่ให้นักท่องเที่ยว ทั้งหลายต่างหลงใหล และติดใจ อยากจะมาชมความงดงามในทุกๆ ปี ถึงแม้ว่า ต้นไม้ทุกต้นในญี่ปุ่นจะพร้อมใจกันเปลี่ยนกันเปลี่ยนสี ในทุกพื้นที่ หรือทุกๆ เมืองของญี่ปุ่น แต่ถ้าหากท่านได้ไปชมความงดงาม ในสถานที่ที่เต็มไปด้วยต้นไม้ อย่างภูเขา ท่านจะได้รับความประทับใจอย่างแน่นอน โดยเฉพาะภาคตะวันออกเฉียงเหนือของญี่ปุ่น หรือเขตโทโฮกุ และเส้นทาง Kurobe Alpine Route หรือรู้จักกันเป็นอย่างดีอีกชื่อหนึ่งคือ Japan Alp นั่นเอง ตั้งอยู่ในเขตจูบุ ซึ่งเต็มไปด้วยธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ อีกทั้งการเดินทางยังมีความน่าตื่นเต้น ลัดเลาะไปตามขุนเขา หรือจะนั่งกระเช้าไฟฟ้า เพิ่มอรรถรสในการชมธรรมชาติที่หุบเขาคุโรเบะได้เป็นอย่างดี อีกทั้ง ท่านยังจะได้พบเห็นน้ำตกที่สวยงาม และเขื่อนกั้นน้ำขนาดใหญ่ รับรองได้ว่า ท่านจะประทับใจในทริปนี้ของท่านอย่างแน่นอน

 

ใบไม้เปลี่ยนสี ภูมิภาคต่างๆ ในญี่ปุ่น

 

1. อุทยานแห่งชาติไดเซ็ทจึซัน ในภาคฮอกไกโด

ที่ตั้ง คามิคาวะ-กุง ฮอกไกโด 
การเดินทาง โดยรถประจำทางจากสถานีรถไฟ JR คามิคาวะ ในเวลา 30 นาที 
ช่วงเวลา กลางเดือน ต.ค. – ปลายเดือน ต.ค.

ข้อมูลน่ารู้ กล่าวกันว่า ที่นี่เป็นสถานที่ที่ใบไม้เปลี่ยนสีแดงก่อนทุกที่ในญี่ปุ่น ทิวทัศน์ที่ถูกแต่งแต้มไปด้วยสีเขียวของใบไม้เรียว และสีเหลืองแดง ไม้ใบกว้าง สลับสีกันอย่างงดงาม ดั่งภาพวาดของศิลปินเอก ใบไม้บนภูเขาคุโรดาเกะนั้นใช้เวลากว่า 1 เดือน ในการเปลี่ยนสีเป็นสีแดงไล่จากยอดเขา เรื่อยลงมาถึงจุดขึ้นกระเช้าตรงเชิงเขา จุดชมใบไม้แดงที่งดงามที่สุดอยู่ตรงปากทางขึ้นเขาที่มีชื่อว่า กินเซ็นได บริเวณนั้นยังมีแหล่งน้ำพุร้อนอยู่กว่า 10 แห่ง เช่น น้ำพุร้อนโชอุงเดียว-ออนเซ็น หลังจากที่ชมใบไม้แดงแล้ว ท่านยังสามารถแช่น้ำพุร้อนกลางแจ้ง เพื่อดื่มด่ำกับธรรมชาติที่งดงามของฮอกโกไดได้ด้วย

 

2. นิกโก้ ในภูมิภาคคันโต

ที่ตั้ง เมืองนิกโก้ จังหวัดโทจิงิ 
การเดินทาง โดยรถประจำทาง จากสถานีรถไฟ JR นิกโก้ ใช้เวลา 1 ชั่วโมง

ช่วงเวลา กลางเดือน ต.ค. – ปลายเดือน ต.ค.

ข้อมูลน่ารู้ นิกโก้เป็นสถานที่ที่มีชื่อเสียงมาก เนื่องจากเป็นที่ตั้งของศาลเจ้านิกโก้โทโชงุ ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรม ที่นิกโก้มีจุดชมใบไม้แดงหลายแห่ง ในตัวเมืองทีต้นโอจิ (แปะก้วย) ขึ้นเรียงรายและตรงถนนขึ้นเขามีชื่อว่า อิโรฮะซะกะ ก็ได้รับการกล่าวขานว่าเป็นเส้นทางชมใบไม้หลากสีที่งดงามที่สุดในภาคคันโต และสถานที่ที่อยากแนะนำให้เดินทางไปชม คือ น้ำตกริวชู ซึ่งอยู่ใกล้กับทะเลสาบจูเซ็นจิโกะ “ริวชู” มีความหมายว่า หัวมังกร เนื่องจากด้านหน้าของแอ้งน้ำตกมีก้อนหินใหญ่ขวางทางอยู่ ทำให้กระแสน้ำที่ไหลมาถึงจุดนั้น ถูกแยกออกเป็นสองทาง ลักษณะคล้ายหัวมังกร ตรงส่วนหัวของมังกรมีต้นไม้ขึ้นปกคลุมอยู่ เมื่อใบไม้บริเวณนั้นเปลี่ยนเป็นสีแดง ก็จะทำให้มองเห็นเป็นหัวมังกรสีแดงด้วย

 

3. สวน เมจิยิงงูไกเอ็ง ในภูมิภาคคันโต

ที่ตั้ง เขตมินาโตะ กรุงโตเกียว 
การเดินทาง ลงรถไฟที่สถานีรถไฟ JR ชินาโนะมาจิ หรือสถานีรถไฟใต้ดิน ไกเอ็งมาเอะ 
ช่วงเวลา กลางเดือน พ.ย. – ปลายเดือน พ.ย.

ข้อมูลน่ารู้ แม้แต่ใจกลางกรุงโตเกียว ท่านก็สามารถชมใบไม้เปลี่ยนสีได้ ที่สวนยิงงูไกเอ็งแห่งนี้ มีต้นฮิโจ (แปะก้วย) กว่า 140 ต้น ขึ้นเรียงรายทั้งสองข้างทางอย่างสวยงาม ฮิโจ จะเปลี่ยนสีจากสีเขียวเป็นสีเหลือง และในที่สุดก็ร่วงลงสู่พื้นดิน มากจนทางเดินจะกลายเป็นสีเหลือง ในช่วงเวลานี้จะมีการจัดงานเทศกาล ที่มีชื่อว่า เทศกาลชมใบฮิโจ ขึ้นในกรุงโตเกียว ไม่เพียงแต่สวนยิงงูไกเอ็ง ยังสามารถชมใบไม้แดงที่สวนชินจูกุเกียงเอ็ง สวนสาธารณะโยโยหงิ สวนสาธารณะฮิปิยะ ฯลฯ ได้อีกด้วย ซึ่งเหมาะสำหรับท่านที่มีโอกาสเดินทางมาติดต่อธุรกิจที่ญี่ปุ่น แต่ไม่มีเวลาเดินทางไปนอกเมือง จะแวะเวียนไปชมใบไม้เปลี่ยนสีได้อย่างสะดวก

 

4. ทะเลสาบ คาวากุจิโกะ ในภูมิภาคจูบุ

ที่ตั้ง มินามิทสึรุ-กุง จังหวัดยามานาชิ 
การเดินทาง โดยรถยนต์ จากสถานีรถไฟด่วนสายฟูจิคิวโค คาวากุจิโกะ ใช้เวลา 20 นาที 
ช่วงเวลา ต้นเดิน พ.ย. – กลางเดือน พ.ย.

ข้อมูลน่ารู้ ทะเลสาบคาวากุจิโกะ นอกจากจะเป็นสถานที่ขึ้นชื่อในการชมภูเขาไฟฟูจิคิวโต ซึ่งทัวร์จากประเทศไทยนิยมพานักท่องเที่ยวไปเยิ่ยมชมแล้ว ยังเป็นสถานที่ชมใบไม้แดงที่มีชื่อเสียงมากอีกแห่งหนึ่งด้วย ภูเขาไฟฟูจิที่ยอดเขาถูกปกคลุมไปด้วยหิมะสีขาว ตัดกับสีของใบไม้แดงนั้น เป็นภาพทิวทัศน์ที่แสดงออกถึงความเป็นญี่ปุ่นได้เป็นอย่างดี ใบไม้แดงในแถบนี้เกือบทั้งหมดเป็นใบของโมมิหยิ (เมเปิ้ล) ในช่วงที่ใบไม้เปลี่ยนเป็นสีแดงเต็มที่จะมีการจัดงานเทศกาลชมใบโมมิหยิขึ้น ในค่ำคืนช่วงเวลาที่มีงาน จะประดับไฟจนถึงเวลาประมาณสี่ทุ่มื ทำให้บรรยากาศดูโรแมนติกราวกับอยู่ในฝัน ในละแวกใกล้เคียงยังมี สวนสนุก พิพิธภัณฑ์ศิลปะ อยู่มากมายหลายแห่ง และใกล้กับแหล่งน้ำพุร้อนผูจิคาวาวุชิโกะ ยังมีโรงแรมแบบญี่ปุ่นที่มีบ่อน้ำพุร้อนให้บริการอยู่มากมาย

 

5. อะระชิยะมะ ในภูมิภาคคันไซ

ที่ตั้ง เมืองเกียวโต จังหวัดเกียวโต 
การเดินทาง เดินทางจากสภานีรถไฟ JR ซะงะอะระชิยะมะ ใช้เวลา 10 นาที 
ช่วงเวลา กลางเดือน พ.ย. – ปลายเดือน พ.ย.

ข้อมูลน่ารู้ ในเมืองหลวงเก่าเกียวโต ก็มีสถานที่ชมใบไม้แดงอยู่หลายแห่งเช่นกัน แต่ที่มีชื่อเสียงมากที่สุด คือ ใบให้แดงที่อะระชิยะมะ ทุกคนที่เดินทางมาที่นี่ จะต้องไม่พลาดที่จะถ่ายรูปกับสะพานโทเง็ทสึเคียว โดยมีภูเขาอะระชิยะมะ เป็นฉากหลัง นอกจากนั้น นักท่องเที่ยวยังนิยมใช้บริการรถไฟโพร็อคโกะ เพื่อชมใบไม้แดงที่อะระชิยะมะอีกด้วย เนื่องจากในเกียวโต มีวัดและศาลเจ้าอยู่เป็นจำนวนมาก จึงสามารถชมความงามของใบไม้แดงในวัดต่างๆ ได้ เช่น วัดกิงคาคุจิ ศาลเจ้าชิโมงาโมะ วัดนันเซ็นหยิ เป็นต้น

 

6. น้ำพุร้อน อุนเซ็น ในภูมิภาคคิวชู

ที่ตั้ง เมืองอุนเซ็น จังหวัดนางาซากิ 
การเดินทาง โดยรถประจำทางจากสถานีรถไฟ JR อิซะฮะยะ ใช้เวลา 2 ชั่วโมง 
ช่วงเวลา ปลายเดือน ต.ค. – ต้นเดือน พ.ย.

ข้อมูลน่ารู้ สีแดง และเหลือง ของใบไม้เปลี่ยนสีที่นี่ มีความงดงามมาก ถึงขนาดหากมองไกลๆ อาจเข้าใจผิดจะคิดไปว่าเป็นดอกไม้ได้ เป็นเพราะที่นี่มีต้นไม้ที่ใบเปลี่ยนสีถึง 150 กว่าชนิด หากมองลงมาจากยอดภูเขาคุนิมิตะเกะ ภาพที่เห็นจะยิ่งสร้างความประทับใจไม่รู้ลืม แถบนี้มีชื่อเสียงมากในฐานะที่เป็นแหล่งน้ำพุร้อนแห่งแรกในญี่ปุ่น ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นอุทยานแห่งชาติ จึงมีทั้งโรงแรมแบบญี่ปุ่นและโรงแรมแบบสากล เปิดให้บริการอยู่มากมาย สามารถเลือกที่ถูกใจได้ นอกจากนั้นยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงอื่นๆ อีก เช่น ฮุสเทนบอส ซึ่งเป็นรีสอร์ทที่จำลองบรรยากาศแบบยุโรปในยุคกลาง ที่จะแวะไปสัมผัสบรรยากาศได้