เที่ยวต่างประเทศ ท่องเที่ยวหลากหลายสไตล์ ไปกับเรา ยูแอนด์ไอ ทัวร์

การดูแลสุขภาพอย่างไร ? เมื่ออยู่บนเครื่อง

สาระน่ารู้ การเดินทาง | เข้าชม 1,713 ครั้ง

        ปัจจุบันสายการบินต่างๆได้มีความห่วงใยในความสะดวกสบาย และความปลอดภัยของผู้โดยสาร โดยเฉพาะในเรื่องการดูแลสุขภาพในระหว่างการเดินทาง เราจึงได้เลือกนำเรื่องราวเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพ ในระหว่างเที่ยวบินมานำเสนอ ซึ่งเป็นข้อมูลที่มีประโยชน์มากทีเดียว ทั้งนี้ต้องขอขอบคุณสายการบิน แควนตัส สำหรับข้อมูลที่เป็นประโยชน์นี้ครับ 

        เมื่อคุณเดินทางโดยเครื่องบิน แน่นอนที่สุดว่า คุณไม่สามารถที่จะยืดแข่งยืดขาได้เหมือนกับที่บ้าน และหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องนั่งนิ่งๆ ไม่ได้ขยับเขยื้อนเป็นเวลานานๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ต้องอยู่ในสภาวะแวดล้อมที่มีความชื้นและความกดอากาศต่ำ ถึงแม้ภายในห้องโดยสารจะมีการปรับความกดอากาศ ให้เท่ากับระดับความสูงประมาณ 2,440 เมตร เหนือระดับน้ำทะเลแล้วก็ตาม แต่ก็ยังไม่เท่ากับสภาวะปกติ ที่คุณคุ้นเคยในชีวิตประจำวัน 

        นอกจากนี้ การเดินทางทางอากาศมีข้อแตกต่างจากการเดินทางในรูปแบบอื่นๆ ตรงที่สามารถเดินทางข้ามโซนเวลาได้อย่างรวดเร็ว แต่ด้วยเหตุนี้ จึงเป็นสาเหตสำคัญที่ทำให้รบกวนกลไกการทำงานของ "นาฬิกาชีวภาพ" ในร่างกายของเรา และยังทำให้เกิดการสับสนกับการเปลี่ยนแปลงทางเวลา โดยเฉพาะการเดินทางไปยังโซนเวลาที่แตกต่างกันมากๆ ถึงแม้จะยังไม่มีข้อสรุปทางการแพทย์อย่างเป็นทางการเกี่ยวกับเรื่อง "นาฬิกาชีวภาพ" ก็ตาม แต่สายการบินส่วนใหญ่ ก็ได้แนะนำวิธีการต่างๆ แก่ผู้โดยสาร เพื่อดูแลสุภาพบนเครื่องบิน ให้การเดินทางของคุณ ราบรื่นและสุขสบาย และแนวทางต่อไปนี้คุณสามารถทดลองทำตาม เพื่อช่วยเพิ่มความรู้สึกสบายในระหว่างและหลังเที่ยวบินได้ครับ 

ความชื้นในห้องโดยสารและการสูญเสียน้ำของร่างกาย 

   โดยปกติแล้ว ในห้องโดยสารบนเครื่องบินนั้น ระดับความชื้นจะมีอยู่น้อยมากเมื่อเทียบกับบนพื้นดิน โดยน้อยกว่าถึงร้อยละ 25 ทั้งนี้เป็นเพราะระดับความชื้นในอากาศภายนอก มีระดับต่ำมากและอากาศเหล่านี้จะถูกหมุนเวียน นำมาใช้ในห้องโดยสารภายใน ความชื้นในอากาศที่มีอยู่น้อยนี้ จะทำให้คุณรู้สึกถึงความแห้งที่จมูก คอ และดวงตา และคุณที่สวมใส่คอนแทคเลนส์จะรู้สึกระคายเคืองได้มากเป็นพิเศษ

 ข้อแนะนำ   
• ดื่มน้ำบริสุทธิ์และน้ำผลไม้บ่อยๆ 
   • ดื่มกาแฟ ชา และเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ในปริมาณน้อย เพราะการดื่มเครื่องดื่มเหล่านี้จะทำให้คุณปัสสาวะบ่อยขึ้น ร่างกายคุณก็จะสูญเสียน้ำมากขึ้นอีก 
   • ถอดคอนแทคเลนส์แล้วสวมแว่นตาแทน หากคุณรู้สึกระคายเคือง และแห้งมากๆ ที่ดวงตา
   • ชโลมครีมทาผิวเพื่อช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นและความสดชื่นให้แก่ผิว

การบริโภคอาหารและเครื่องดื่ม 
   การบริโภคอาหารและเครื่องดื่มให้เพียงพอ จะช่วยเพิ่มความรู้สึกสบายทั้งในระหว่างและหลังการ เดินทาง 

ข้อแนะนำ 
   • หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารจนอิ่มเกินไป ทั้งก่อนและระหว่างเดินทาง นอกจากจะทำให้คุณรู้สึกอึดอัดระหว่างนั่งอยู่กับที่เป็นเวลานานแล้ว การนั่งไม่ได้ขยับเขยื้อนนานๆ ทำให้ระบบการย่อยอาหารของร่างกาย ทำงานด้วยความยากลำบากมากขึ้น
   • ดื่มกาแฟ ชา และเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ในปริมาณน้อย เพราะการดื่มเครื่องดื่มเหล่านี้จะทำให้เกิดการขับปัสสาวะ ร่างกายจึงสูญเสียน้ำมากเป็นพิเศษ

 

   เมื่อคุณนั่งหลังตั้งตรงและไม่ได้เคลื่อนไหวเป็นระยะเวลานาน คุณทราบหรือไม่ว่ามีหลายสิ่งเกิดขึ้นกับร่างกายของคุณ โดยที่คุณไม่รู้ตัว
   • เส้นเลือดใหญ่ในขาของคุณจะหดตัว ทำให้เลือดไหลเวียนกลับไปเลี้ยงหัวใจได้ยากขึ้น
   • กล้ามเนื้อเกิดความตึงเครียด ผลที่ตามมาคืออาการปวดหลัง และรู้สึกเหนื่อยล้าอย่างมากในระหว่างเดินทางและแม้แต่เมื่อคุณถึงจุดหมายปลายทางแล้ว
   • ระบบกลไกปกติในการลำเลียงเลือดกลับสู่หัวใจอาจทำงานผิดปกติ และแรงโน้มถ่วงของโลกยังทำให้เลือดสะสมอยู่ที่เท้ามากเกินไป ส่งผลให้เท้าบวม โดยเฉพาะในเที่ยวบินระยะไกล
   • ผลการศึกษาหลายแห่งได้สรุปว่า การไม่ขยับร่างกายเป็นระยะเวลานาน อาจเป็นปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เลือดเกาะตัวกันเป็นก้อนที่บริเวณขา หรือที่ทางการแพทย์เรียกว่า DVT-deep vain thrombosis หรือที่หลายคนรู้จักกันในชื่อโรคชั้นประหยัด (Economy Class Syndrome) นอกจากนั้นการใช้ยาเฉพาะทาง และโรคประจำตัวบางโรค อาจส่งผลให้เกิดภาวะเส้นเลือดอุดตันได้เช่นกัน หากคุณอยู่ในท่าเดิมๆ เวลานาน

การวิจัยทางการแพทย์ได้ชี้ให้เห็นว่าปัจจัยต่างๆ ต่อไปนี้อาจเป็นการเพิ่มความเสี่ยงต่อ การอุดตันของเส้นเลือดดำที่ขา อันได้แก่ 
   • บุคคลในครอบครัวเคยมีประวัติการเป็น DVT มาก่อน
   • พึ่งเข้ารับการผ่าตัดหรือได้รับบาดเจ็บ โดยเฉพาะอย่างยิ่งท่อนขาหรือช่องท้อง
   • เลือดมีภาวะผิดปกติซึ่งนำไปสู่แนวโน้มภาวะการอุดตันที่สูงขึ้น
   • ไม่ได้เคลื่อนไหวร่างกายนานกว่า 1 วันหรือมากกว่านั้น
   • อายุ 40 ปีขึ้นไป
   • รับการรักษาด้วยฮอร์โมน Oestrogen รวมทั้งการรับประทานยาคุมกำเนิด
   • ตั้งครรภ์
   • ผู้สูบยาเส้น บุหรี่
   • เคยหรือเป็นโรคร้ายแรง
   • อ้วนพุงพลุ้ย
   • อยู่ในภาวะการสูญเสียน้ำของร่างกาย
   • ผู้มีภาวะหัวใจล้มเหลว
   • ภาวะเส้นเลือดขอด 

 ข้อแนะนำ 
   • หากคุณเข้าข่ายลักษณะบ่งชี้ข้างต้น หรือมีข้อสงสัยเกี่ยวกับปัญหาทางสุขภาพ อันเนื่องจากการเดินทางโดยเครื่องบิน เราขอแนะนำให้ปรึกษาและขอคำแนะนำจากแพทย์ก่อนการเดินทางครับ
   • การสวมถุงเท้ายาวแบบพิเศษ อาจช่วยป้องกันการโป่งบวมของข้อเท้าและเท้า และยังอาจช่วยให้เลือดหมุนเวียนกลับสู่ร่างกายส่วนบนได้ คุณสามารถปรึกษาเกี่ยวกับถุงเท้าแบบพิเศษลักษณะนี้ หรืออาจสั่งซื้อได้จากบริษัทที่จัดจำหน่ายอุปกรณ์ทางการแพทย์ และมีหลายขนาดซึ่งคุณจำเป็นต้องเลือกให้พอเหมาะกับขนาดขาของคุณครับ
   • ในระหว่างเที่ยวบิน ให้ขยับเขยื้อนขาและเท้าของคุณเป็นระยะเวลาประมาณ 3-5 นาทีต่อชั่วโมง ซึ่งคุณสามารถทำได้ขณะที่คุณนั่งประจำที่นั่ง และลุกขึ้นเดินสำรวจห้องโดยสารบ้างเป็นครั้งคราว
   • ปฏิบัติตามแนวทางการออกกำลังกายอย่างง่ายๆ ที่จะได้แนะนำต่อไปในหัวข้อการออกกำลังกายใน ระหว่างเที่ยวบินครับ 


การบริหารร่างกายเพื่อความสบายระหว่างเดินทาง (Inflight Workout) 
   การบริหารร่างกายต่อไปนี้ ได้รับการคิดค้นขึ้นมาโดยคำนึงถึงเกิดความปลอดภัยในการยืดเส้นสาย และให้ความเพลิดเพลินอีกด้วย การนั่งอยู่ในท่าเดิมเป็นเวลานานๆ ส่งผลให้กล้ามเนื้อเกิดอาการตึงเครียดได้ การบริหารนี้ยังช่วยให้ระบบการไหลเวียนของเลือดในร่างกายมีประสิทธิภาพมากขึ้น และยังเป็นการนวดกล้ามเนื้ออีกด้วย

    เราแนะนำให้คุณออกกำลังประมาณ 3-5 นาทีทุกชั่วโมง และลุกเดินออกจากที่นั่งของคุณบ้างเป็นครั้งคราว
ในการบริหารแต่ละท่า ควรหลีกเลี่ยงการรบกวนผู้โดยสารที่อยู่ข้างเคียงคุณ และไม่ควรทำต่อหากก่อให้เกิดความเจ็บปวด

 

1. ท่าหมุนข้อเท้า
ยกเท้าขึ้นเหนือพื้น วาดวงกลมด้วยนิ้วเท้า ในเวลาเดียวกัน ให้ขยับเท้าข้างหนึ่งตามเข็มนาฬิกา และอีกข้างทวนเข็มนาฬิกาสลับทิศทางของวงกลมเมื่อหมุนได้ทิศทางละ 15 วินาที สามารถทำซ้ำได้ตามความต้องการ


2. ท่ายกส้นและปลายเท้าขึ้นลง

การขยับเท้านี้มี 3 ขั้นตอน คือ
• เริ่มด้วยวางส้นเท้าทั้งสองข้างบนพื้น ยกปลายเท้าขึ้นให้สูงที่สุดเท่าที่คุณสามารถทำได้
• วางเท้าราบบนพื้น
• ยกส้นเท้าขึ้นโดยให้ปลายเท้าวางอยู่บนพื้น ทำซ้ำ 3 ขั้นอย่างต่อเนื่อง พัก 30 วินาทีแล้วเริ่มทำซ้ำ

3. ท่ายกเข่า
ยกและงอเข่าขึ้น ลง ทำซ้ำ 20-30 ครั้ง แล้วสลับข้างลักษณะเดียวกัน

4. ท่าหมุนคอ
ปล่อยไหล่ตามสบาย เอียงหูข้างหนึ่งมาทางไหล่ และค่อยๆหมุนคอไปข้างหน้า โดยหมุนจากด้านหนึ่งไปอีกด้านหนึ่งช้าๆ (ซ้ายไปขวา หรือขวาไปซ้าย) จากนั้นค้างไว้ในแต่ละด้านประมาณ 5 วินาที ทำซ้ำ 5 ครั้ง

5. ท่ายกเข่าเข้าหาอก
โน้มตัวไปข้างหน้าเล็กน้อย ประสานมือทั้งสองข้างรอบเข่าข้างซ้ายและรัดเข้าหาอก ดึงให้แน่นแล้วค้างไว้เป็นเวลา 15 วินาที ปล่อยขาลงช้าๆ อย่าเพิ่งปล่อยมือ จากนั้นสลับข้างและทำซ้ำ 10 ครั้ง

6. ท่าโค้งตัวไปข้างหน้า
วางเท้าทั้งสองข้างบนพื้น แขม่วท้อง ค่อยๆ โน้มตัวไปข้างหน้าช้าๆ เลื่อนมือทั้งสองข้างไปตามหน้าขาจนถึงข้อเท้า จับข้อเท้าค้างไว้ 15 วินาที และขยับตัวช้าๆ เพื่อกลับมานั่งตามเดิม

7. ท่าหมุนไหล่
โก่งไหล่ทั้งสองข้างมาข้างหน้า จากนั้นยกไหล่ขึ้นด้านบน และเคลื่อนไปด้านหลัง จากนั้นกดลงด้านล่าง แต่ละด้าน ให้หมุนไหล่เป็นวงกลมอย่างช้าๆ

ความกดอากาศภายในห้องโดยสาร 
   ความกดอากาศภายในห้องโดยสารนั้นได้ถูกปรับให้สมดุลที่สุด เพื่อความสะดวกสบายแก่ผู้โดยสาร ถึงแม้จะบินอยู่ในระดับที่สูงมาก ซึ่งจริงๆ แล้วเป็นระดับที่มนุษย์เราไม่สามารถอยู่ได้ ดังนั้นในห้องโดยสารเครื่องบิน จึงมีการปรับความกดอากาศให้เหมาะสม ซึ่งระดับดังกล่าวเสมือนระดับความสูงประมาณ 2,440 เมตรเหนือระดับน้ำทะเลครับ 
   ผู้โดยสารส่วนใหญ่จะไม่ค่อยมีปัญหากับสภาพความกดอากาศในห้องโดยสารระหว่างเดินทาง รวมถึงความกดอากาศที่มีการเปลี่ยนแปลงในขณะเครื่องบินเพิ่มหรือลดเพดานบิน แต่หากขณะนั้นคุณไม่สบาย หรือมีปัญหาจากอวัยวะที่เกี่ยวกับการหายใจ หรือการติดเชื้อในช่องจมูก โรคเกี่ยวกับปอด โรคโลหิตจาง หรือภาวะทางหัวใจบางประการ คุณอาจเกิดรู้สึกไม่แย่มากขึ้นไปอีก 
   เด็กเล็กและทารกก็เช่นเดียวกัน อาจรู้สึกไม่สบาย อันเนื่องมาจากการเปลี่ยนแปลงของความกดอากาศในระหว่างเครื่องบินที่กำลังเพิ่ม และลดระดับเพดานบิน สังเกตได้จากเด็กจะงอแงและร้องส่งเสียงดัง 
   หากคุณมีปัญหาจากการหายใจติดขัดหรือมีอาการภูมิแพ้ ให้ใช้สเปรย์ที่ฉีดพ่นทางจมูก ใช้ยาบางตัวเพื่อเปิดช่องให้หายใจได้สะดวก และใช้ยาบำบัดหวัดและหืด 30 นาทีก่อนลดระดับเพดานบิน เพื่อช่วยเปิดหูและช่องจมูก 
   หากคุณเป็นไข้หรือเป็นไข้หวัดใหญ่ โพรงจมูกของคุณอาจใช้งานไม่ได้เหมือนปกติ พังผืดในจมูกจะโป่งพองและก่อให้เกิดการกีดขวางในส่วนช่องแคบเล็กๆ ระหว่างโพรงจมูกกับห้องหูส่วนกลาง เป็นผลให้เกิดความรู้สึกไม่สบาย (ปวดหู, โพรงจมูก) ในขณะที่ความกดอากาศภายในห้องโดยสารเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งขณะเครื่องบินทำการลดระดับเพดานบิน 

 ข้อแนะนำ 
   • หากคุณเคยมีประวัติทางการแพทย์ และเคยมีอาการดังกล่าวมาก่อน และต้องการอุปกรณ์ทางการแพทย์เพิ่มเติม คุณสามารถแจ้งกับทางสายการบินได้ โดยทำการแจ้งล่วงหน้าอย่างน้อย 7 วันก่อนการเดินทาง (ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับข้อกำหนดของแต่ละสายการบิน)
   • เพื่อเป็นการเปิดช่องหู ให้กลืนน้ำลาย และหรือหาวโดยอ้าปากกว้าง วิธีการนี้จะช่วยเปิดช่องแคบเล็กๆ ระหว่างโพรงจมูกกับห้องหูส่วนกลาง ปรับความกดดันในห้องหูส่วนกลางกับลำคอให้เสมอกัน
   • หากเดินทางพร้อมทารก ให้คุณป้อนอาหาร หรือให้ทารกดูดจุกนมในระหว่างเครื่องบินทำการลดระดับเพดานบิน การดูด หรือกลืนนี้จะช่วยให้ทารกปรับความกดอากาศในช่องหูได้

ความเหนื่อยล้าจากการเดินทางโดยเครื่องบิน 
   สาเหตุหลักของอาการเหนื่อยล้ามาจากการเดินทางข้ามเขตเวลา โดยที่ร่างกายไม่ได้ปรับตัวกับรอบเวลาใหม่ โดยทั่วไป ยิ่งคุณเดินทางข้ามเขตเวลามากเท่าใด ก็ยิ่งจะเป็นการรบกวนนาฬิกาชีวภาพในร่างกายของเรามากขึ้นเท่านั้น อาการที่จะเกิดขึ้นตามมาโดยทั่วไปได้แก่ การนอนไม่หลับ ความรู้สึกเหนื่อยล้า ไม่อยากรับประทานอาหาร หรืออยากทานอาหารในเวลาที่ไม่เหมาะสม 

   เพื่อเป็นการลดผลกระทบจากความเหนื่อยล้าจากการเดินทาง เราขอแนะนำให้คุณ
   • นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอในคืนก่อนการเดินทาง
   • ถ้าเป็นไปได้ ให้เวลา 1-2 วัน เพื่อให้ร่างกายได้ปรับตัวสู่รอบเวลาใหม่หลังจากการเดินทาง
   • ถ้าเลือกได้ควรเลือกเที่ยวบินที่บินตรงสู่จุดหมาย เพื่อเป็นการลดระยะเวลาที่ใช้ในการเดินทาง ทั้งนี้จะช่วยให้คุณพักผ่อนได้มากขึ้นเมื่อเดินทางถึงจดหมายปลายทางแล้ว
   • ให้ออกกำลังกายเบาๆ เดินกระฉับกระเฉงไปมา หรืออ่านหนังสือหากคุณไม่สามารถนอนหลับเมื่อคุณเดินทางถึงที่หมาย โดยปกติแล้วร่างกายจะใช้เวลา 1 วันโดยประมาณ เพื่อปรับตัวสู่รอบเวลาใหม่